กลับมาแล้วค่าทุกคนนนน ~ ห่างหายกับการเขียนบล็อกไปสักพักคิดถึงกันบ้างไหมน้าาา วันนี้ จืดจะพาทุกคนไปเดินป่า ปีนเขาที่ เขาอ่างแก้ว อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรีกันค่าา บอกเลยว่าทริปนี้ ทั้งเหนื่อย ทั้งคุ้มค่า ดีที่สุดไปเลยยยย
เปิดประสบการณ์ เดินป่า ปีนหน้าผา ที่ เขาอ่างแก้ว
ต้องบอกก่อนเลยว่า ตอนแรกเราตั้งใจจะไปปีนเขาอีกที่นึง แต่เปลี่ยนใจกระทันหัน เพราะอยากหาที่ที่ได้เข้าถึงธรรมชาติจัด ๆ แต่ยังใกล้กรุงเทพหน่อย เลยลองหาใน Google ก็ไปเจอที่ เขาอ่างแก้ว สถานที่แบบเดินทางง่าย ๆ ใกล้กรุงเทพ เพราะอยู่แค่ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ขับรถชิล ๆ ก็ถึง เราเลยทำการโทรหา พี่เอ๊ะ พี่คนนำทางที่รับจองปีนเขา โดยเราไปเดินวันที่ 3-4 มิ.ย. 65 ซึ่งตอนที่เราโทรมา พี่เขาก็บอกรายละเอียดและคำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนมาเดินให้เราเป็นอย่างดี โดยเน้นย้ำกับเราเลยว่า ต้องเอาถุงมือมาด้วยนะ เพราะต้องปีนเขา หินจะบาดมือแน่ ๆ ถ้าไม่ใส่ เราจึงเตรียมอุปกรณ์ปีนเขาและอุปกรณ์กางเต้นท์ไปให้ครบ
อยากให้ทุกคนจำภาพพวกเราก่อนขึ้นไว้ก่อนได้เลย เพราะตอนแรกที่มาก็คือคุยกันว่ามาเดินชิล ๆ ละกัน เพราะระยะทางก็แค่ 3.5 กิโลเมตร พี่เอ๊ะคนนำทางบอกว่าเดินทางแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง และแล้วเราก็ออกเดินทางตอน 15.02 น.
เราเดินมาถึงจุดพักจุดแรก ซึ่งเป็นต้นไทรขนาดใหญ่ พี่เอ๊ะให้เราพักเหนื่อยพักหายใจ เพราะเราไม่ต้องรีบเดินมาก เดินไปพักไปจะดีที่สุด เพราะช่วงแรก ๆ จะมีทางชัน 400 เมตร ซึ่งจะเดินขึ้นๆๆๆๆ อย่างเดียว จะเหนื่อยจนหายใจไม่ทัน เลยต้องเดินไปพักไป เพื่อไม่ให้เราหมดแรง และตรงนี้พี่เอ๊ะตัดเถาวัลย์ ให้เราลองชิมน้ำจากเถาวัลย์ด้วยค่ะ
ต่อมา เราเดินผ่านต้นชะเอม พี่เอ๊ะก็ตัดชะเอมมาให้พวกเราชิม เพื่อให้รู้รสชาติของของกินในป่าและให้เราได้รู้จักกับของที่สามารถกินได้ในป่า รสชาติของชะเอมก็คือ กินน้อย ๆ หวาน กินมากไปก็ขม แต่โดยรวมคืออร่อย และก็แวะให้เราดูต้นกระทือ ซึ่งได้รับการขนานนามว่ากลิ่นเหมือนกับข่าบ้านเรานี่แหละ เป็นของกินในป่าที่สามารถหาและไปทำกินข้างบนได้เลย
จุดพักต่อ เป็นผาสลัดได ซึ่งตรงนี้พี่เอ๊ะจะพักให้เราเตรียมใจก่อนจะไปถึงช่วงระยะเวลาแห่งการปีนหน้าผา! ใช่ค่ะทุกคน ปีนหน้าผา เตรียมพร้อม ใส่ถุงมือ แล้วไปต่อกันเลยยย
เห็นสภาพไหมคะทุกคน นี่แหละค่ะ การปีนผาที่แท้จริง ปีนกันไปเลย เปิดประสบการณ์ในการปีนเขาจริง ๆ นะ เพราะเราไม่เคยที่จะต้องปีนไล่ผา ไต่หินแบบนี้มาก่อนเลย แต่พี่เอ๊ะก็คือเซฟพวกเราทุกคน คอยแนะนำว่าควรเดินจากตรงไหนไปตรงไหน ทำให้เราสามารถเดินได้แบบไม่ต้องกลัวตกเหวเลย
ในที่สุดเราก็ถึงด้านบนจุดกางเต้นท์แล้วววว ! บอกเลยว่าบรรยากาศดี ลมโกรกตัวปลิวมาก แถมมองลงไปข้างล่าง ก็คือวิวดีสุด ๆ แบบคุ้มเหนื่อยที่เราขึ้นมาเลย บนนี้จะมีที่กางเต้นท์ที่สามารถกางเต้นท์ได้มากสุดแค่ 3 เต้นท์ ถ้ามาคนเยอะและคิดว่าจะไม่มีที่กาง สามารถนำเปลมาผูกนอนได้น่ะ พี่ ๆ เค้าช่วยทั้งกางเต้นท์และผูกเปลเลย
หลังจากกางเต้นท์เสร็จ เราก็ปีนยอดเพื่อไปรอดูพระอาทิตย์ตก แต่เสียดายที่วันที่เรามา เมฆเยอะไปหน่อย เลยมองไม่เห็นพระอาทิตย์ แต่แค่เห็นวิวก็คุ้มแล้วจริง ๆ นะ
เช้าวันต่อมาพี่เอ๊ะก็มาเรียกให้พวกเราขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ก็เหมือนเมื่อวาน เมฆเยอะอีกเช่นเคย เราเลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเลย แต่ปีนไปอีกฝั่งของยอดแหลม บอกเลยว่าขาสั่น เพราะสูงมาก ๆ แต่จากมุมสูงก็วิวดีมากอีกเช่นเคย หลังจากดูเสร็จเราก็ลงมาเก็บเต้นท์เตรียมตัวลงไปข้างล่างกัน
ระหว่างทางที่เดินลงมา พี่เอ๊ะพาเราแวะสำรวจถ้ำ ทั้งถ้ำพระนอนและถ้ำเขาดิน ภายในถ้ำน่าสนใจมากทั้งหินที่ขึ้นเป็นรูปร่างต่าง ๆ เองตามธรรมชาติ และค้างคาวที่มีอยู่ในทุก ๆ ถ้ำ ยืน ๆ อยู่บินโฉบหัวก็มี
และนี่คือสภาพของพวกเราทุกคนเมื่อถึงด้านล่าง อยากแนะนำให้ทุกคนลองไปเดินที่นี่นะคะ เปิดประสบการณ์ในการเดินและพี่เอ๊ะดูแลพวกเราดีมาก ๆ แถมคุณลุงเจ้าของบ้านก็ Support พวกเราอย่างดีจริง ๆ ลงมาก็อาบน้ำที่บ้านของคุณลุง และเตรียมตัวกลับบ้านได้ ปิดทริปอย่างสมบูรณ์ เย้!
สรุปค่าใช้จ่ายของพวกเรา
ค่าทริป กรุ๊ปละ 3,500 บาท กรุ๊ปนึงจะรับประมาณ 10 คน แต่เราไปกัน 7 คน + ค่าลูกหาบ 2 คน คนละ 1,000 บาท รวมเป็น 2,000 บาท
ค่าใช้จ่ายทริปนี้แบบไม่รวมค่าของกินคือ 5,500 บาท ถือว่าคุ้มมาก ๆ
—————————————————————-
ใครอยากลองไป สามารถติดต่อได้ที่
คุณเอ๊ะ โทร 087-823 7065
คุณลุงชูวงศ์ โทร 084-321 4297
หรือ Facebook Page : https://www.facebook.com/Angkeaw2022
แล้วทริปหน้า เราจะพาไปที่ไหนอีก สามารถติดตาม บันทึกของ Jaojeud ได้ที่
FB : www.facebook.com/banteukkongjaojeud
IG : www.instagram.com/banteukkongjaojeud
Website : www.jaojeud.com